
ทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และสร้าง Productivity ได้ในทุกวัน
เคยหรือไม่ทำงานนาน ๆ สมองก็เบลอ ประชุมนานเข้าสมองก็ล้า เจอสารพันปัญหาหนักเข้าก็ทำให้ร่างกายเริ่มรับไม่ไหว แต่อย่างไรงานก็ต้องเดิน เพราะเดดไลน์จ่ออยู่ข้างหน้า แล้วจะทำอย่างไรให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพในทุก ๆ วัน บทความนี้ DIGITORY Space จะมาพูดถึงการสร้าง Productivity ในแบบฉบับที่เริ่มต้นด้วยตัวคุณเอง

1. ขจัดสิ่งเร้ารอบตัว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้งานของเราไม่ Productivity คือ การมีสิ่งเร้ารอบตัวรายล้อมไปหมด ยิ่งในทุกวันนี้ที่แพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย ทั้ง IG, Twitter หรือ TikTok ที่เปิดกี่ครั้งก็เพลิน แถมกินเวลาเราไปหลายชั่วโมง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเร้าที่ทำให้เราหลุดโฟกัสจากการทำงาน
แนะนำให้ลดหรือหลีกเลี่ยงการเล่นแอปพลิเคชันเหล่านี้ในช่วงเวลาทำงาน สำหรับใครที่เป็น Social Aholic ก็ปรับเวลามาเล่นตอนพักเบรค หรือเล่นหลังเลิกงาน เพื่อให้เรามีสมาธิต่อการทำงานได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

2. สร้างสมาธิในการทำงาน
การทำสมาธิสัก 5-10 นาทีก่อนเริ่มงานหรือระหว่างทำงาน ช่วยให้เรามีสมองปลอดโปร่งในการทำงาน และช่วยให้การทำงาน Productive มากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะมนุษย์ Multitasking Skill ทั้งหลายที่ต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน การฝึกสมาธิ ปล่อยสมองให้โล่ง จะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้การทำสมาธิยังช่วยลดอาการตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนเองก็ทำสมาธิก่อนทำงานเช่นกัน หรือวันไหนที่มีพรีเซนต์งาน ก็ทำสมาธิก่อนพรีเซนต์เพื่อจัดระเบียบความคิดไม่ให้ความคิดกระจัดกระจาย ให้การทำงานของเราจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้น

3.งานหนักทำเช้า งานเบาทำบ่าย
ข้อนี้ต้องบอกก่อนว่าแล้วแต่บุคคลจริง ๆ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว การทำงานที่ต้องใช้การโฟกัสอย่างงานสายวิเคราะห์ข้อมูล งานที่ใช้ความคิดและสมาธิสูง หรืองานที่ต้องใช้ไอเดีย จะจัดเวลามาทำในช่วงเช้า เนื่องจากตอนเช้าเป็นตอนที่สมองของเราเปิดรับมากที่สุด
ส่วนงานที่ไม่ต้องใช้ไอเดียเยอะหรืองานที่ต้องทำเป็นประจำของทุกวันเก็บไว้ทำช่วงบ่าย เป็นต้น โดยส่วนตัวพบว่าการทำแบบนี้ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4. Deep Work บ้าง Relax บ้าง
Deep Work หรือ การที่เราจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าแบบไม่ว่อกแว่ก ใช้ความคิดทั้งหมดไปกับงานที่ทำ Deep Work เป็นสิ่งที่ทำให้งานของเรามีประสิทธิภาพสูง แต่ในทางกลับกันสมองของเราก็กำลังทำงานหนักมากทีเดียว บางคนสามารถทำ Deep Work ได้วันละหลาย ๆ ครั้งต่อวัน บางคนก็ทำได้วันละครั้งต่อวันเท่านั้น
แต่การ Deep Work ที่ดีต้องมาพร้อมกับการพักผ่อนที่เพียงพอด้วยนะ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ด้วยเหตุที่สมองและร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อน เพราะทำงานหนักจนเกินไปนั่นเอง

5. พักผ่อนให้เพียงพอ
ทำงานมาทั้งวันสมองและร่างกายถูกใช้งานอยู่ตลอด สิ่งที่ดีที่สุดที่ช่วยให้เรากลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ดีอีกครั้งคือการพักผ่อน ทั้งการนอนหลับให้เพียงพอ หรือการเอาตัวเองออกไปจากวงจรของการทำงานบ้าง เพื่อให้สมองและร่างกายของเราได้มีเวลาพัก และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้การทำงานในทุก ๆ วันของเราเต็มไปด้วยความ Productivity
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ DIGITORY Speace นำมาปรับใช้กับการทำงานและค้นพบว่าการทำงาน Relax ขึ้น ความเครียดลดลง รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายไม่ว่าคุณอยากจะ Productivity แค่ไหน การพักผ่อนและการรักษาสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะคุณไม่มีทางทำงานไปตลอดชีวิต แต่ร่างกายจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ทำงานหนักได้แต่ก็ต้องไม่ลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะ