Co-Working Space พื้นที่การทำงานรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน
การทำงานในปัจจุบันแตกต่างไปจากการทำงานเมื่อ 5 ปี หรือ 10 ปีที่แล้วอย่างมาก การเปลี่ยนพื้นที่การทำงานช่วยให้เปลี่ยนอารมณ์ ความรู้สึก หรือ คุณภาพของการทำงานได้ บางคนชอบการเปลี่ยนพื้นที่ทำงานเพื่อให้ได้สมาธิมากขึ้น จดจ่อกับงานมากขึ้น บางคนก็ไม่สะดวกในการทำงานที่บ้านเพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
การใช้ Co-Working Space ในการทำงาน จึงช่วยในการตอบโจทย์การทำงานนอกสถานที่มากขึ้น บทความนี้ DIGITORY Space จะเล่าถึง Co-Working Space คืออะไร และมีประโยชน์ต่อคนในยุคสมัยนี้อย่างไร
Co-Working Space คืออะไร
Co-Working Space คือ พื้นที่ทำงานร่วมกัน จะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ในสถานที่ หรือพื้นที่หนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากการทำงานในออฟฟิศ ตรงที่มีสภาพแวดล้อมแบบใหม่ พร้อมแชร์พื้นที่ทำงานกับผู้คนที่มาใช้พื้นที่ร่วมกับกับเรา จึงเป็นที่มาของคำว่า “Co-Working Space”
จริงแล้ว ๆ ไม่เพียงแต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากเดิมของคนที่เบื่อการทำงานบนโต๊ะในสำนักงานเท่านั้น แต่ Co-Working Space นี้ยังเหมาะสุด ๆ กับฟรีแลนซ์ หรือ Startup ที่ต้องการมีพื้นในการทำงาน พื้นที่คุยกับลูกค้า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องไปเช่าพื้นที่สำนักงานแพง ๆ ให้เปลืองเงินในกระเป๋าอีกด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกของ Co-Working Space
ในทุก ๆ ที่ของ Co-Working Space จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการทำงานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ โต๊ะ เก้าอี้ WIFI หรือพื้นที่สำหรับเป็นห้องประชุมเล็ก ๆ ไว้สำหรับประชุมเป็นกลุ่ม ของกินเล่นเมื่อเวลาหิว มุมกาแฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย
5 ประโยชน์จาก Co-Working Space
1. พื้นที่แห่งไอเดียใหม่ ๆ
สำหรับใครที่ทำงานสายครีเอทีฟ เหล่าครีเอเตอร์ หรือสายใช้ไอเดียในการทำงาน การทำงานที่บ้าน สำนักงานหรือพื้นที่เดิม ๆ นานเข้าก็สามารถทำให้หมดไอเดียในการทำงานได้เหมือนกัน พื้นที่การทำงานนอกสถานที่อย่าง Co-Working Space ก็ช่วยให้คุณพบไอเดีย สร้างจินตนาการใหม่ ๆ ได้ไม่ยาก ทั้งบรรยากาศที่เปลี่ยนไป การมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นวิวบนท้องถนน การเห็นผู้คนที่เดินไปมา เสียงเพลงเบา ๆ ที่คลอไปขณะทำงานก็ช่วยให้สมองของคุณแล่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
2. พื้นที่แห่งการเจรจา หรือคุยงานในบรรยากาศสบาย ๆ
ข้อที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับ Freelance หรือ Startup ที่ต้องการประชุม หรือคุยงานกับลูกค้า บางครั้งการประชุมออนไลน์อาจไม่สะดวกเท่ากับการเจอหน้า การได้มีพื้นที่สำหรับการคุยงาน เจรจาต่อรองเรื่องต่าง ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งให้งานของเราราบรื่นขึ้นได้ หลายคนจึงใช้ Co-Working Space นี่แหละเป็นพื้นที่สำหรับคุยงานและการประชุมงาน และ Co-Working Space ยังช่วยให้บรรยากาศในการคุยงานไม่ตึงเครียดมากเกินไปอีกด้วย
3. พื้นที่แห่งความยืดหยุ่น
ถือเป็นประโยชน์สุด ๆ สำหรับคนที่มีนาฬิกาชีวิตเป็นของตนเอง สามารถบริหารเวลาในการทำงานได้ จะเข้าหรือออกจากงานเวลาไหนก็ได้ Co-Working Space จึงเป็นพื้นที่ทำงานที่ไม่กดดันของใครหลาย ๆ คน แม้ว่าเราจะออกไปกินกาแฟสักแก้ว หรือออกไปทำธุระแล้วกลับมาทำงานก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่ชอบความยืดหยุ่น การไม่มีใครมาจ้องมองขณะเราทำงานก็ช่วยสร้างอิสระ ในการทำงานอย่างเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น ไม่ว่าจะจะลุก ยืน นั่ง จะกินอะไรก็สะดวกสบายสุด ๆ ไปเลย
4. พื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
หลายบริษัทมีนโยบาย Work From Home ทำให้มนุษย์ออฟฟิศต้องกลับมาทำงานที่บ้าน ซึ่งการทำงานที่บ้านอาจไม่สะดวกเท่ากับการทำงานที่สำนักงานออฟฟิศเท่าใดนัก เพราะด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละคน ตัวอย่างเช่น เรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ต โต๊ะ-เก้าอี้ทำงานที่นั่งไม่สะดวกสบายเท่าที่ออฟฟิศ หรือจะประชุมกับเจ้านายก็ได้ยินเสียงแม่ทำกับข้าว หรือเสียงเครื่องซักผ้าที่บ้านกำลังปั่นอยู่และอีกหลาย ๆ ปัจจัยที่สร้างความกังวลใจให้กับคนทำงานอย่างเรา พื้นที่ทำงานแบบ Co-Working Space จึงเป็นตัวช่วยในปัญหาทั้งหมดนี้ ให้คนทำงานทุกคนสะดวกสบายในการทำงาน ไร้สิ่งรบกวนใด ๆ นั่นเอง
5. พื้นที่แห่งโอกาส
หลายคนได้รู้จักคนใหม่ ๆ ได้คอนเนคชั่นดี ๆ จาก Co-Working Space และอีกหลายคนก็ได้คู่ ได้แฟนจากที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่า Co-Working Space จะเป็นพื้นที่แห่งการจับคู่นะ แต่เป็นพื้นที่ที่ทำให้เราได้เจอคนเก่ง ๆ จากสาขาอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้คุณเห็นสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันในพื้นที่แห่งนี้
สรุป
จากที่กล่าวมาทั้งหมด Co-Working Space ไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียวก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น พื้นที่เต็ม บรรยากาศการทำงานไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเราเจอกับผู้คนที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามถือได้ว่าเป็นเรื่องปัจเจคบุคคล ตามแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ใครที่ต้องการพื้นที่ทำงานใหม่ ๆ เบื่อพื้นที่เดิม ๆ Co-Working Space อาจจะตอบโจทย์คุณได้ไม่อยาก